ข่าวปศุสัตว์ชัยภูมิ
 
 







 

 

 

“ปศุสัตว์ชัยภูมิเตือนเกษตรกรให้ระวังโรคสัตว์หน้าหนาว”

              

              

          สัตวแพทย์หญิงศรีสมัย  โชติวนิช  ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ  กล่าวว่า  ปัจจุบันอากาศของประไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาว  ทำให้สภาพอากาศในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนมีความแตกต่างกันมาก  ซึ่งสภาพอากาศดังกล่าวจะส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด  ภูมิคุ้มกันโรคลดลง  ทำให้สัตว์เจ็บป่วยได้ง่าย จึงขอให้เกษตรกรระวังโรคสัตว์ของตนเองและสัตว์ในหมู่บ้านในฤดูหนาวนี้
          ♦  โค กระบือ  โรคที่ควรระวัง  ได้แก่ 

                  โรคปากและเท้าเปื่อย  ขณะนี้พบการเกิดในหลายพื้นที่  เช่น  จังหวัดกาฬสินธุ์  ขอนแก่น  เชียงราย  เชียงใหม่  นครราชสีมา  น่าน  ประจวบคีรีขันธ์  พัทลุง  มหาสารคาม  ร้อยเอ็ด  ลพบุรี  สงขลา  และสระบุรี  ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคปากและเท้าเปื่อย  เนื่องจากสัตว์ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค  หรือ  การซื้อสัตว์ที่เป็นโรคหรืออมโรคเข้ามาในฟาร์ม  รวมทั้งการปล่อยให้รถของพ่อค้าโค-กระบือ รถขนส่งอาหาร  หรือรถรับซื้อมูลโคเข้าไปในบริเวณฟาร์ม  เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการนำเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยเข้าสู่ฟาร์มและทำให้เกิดโรคได้  โรคปากและเท้าเปื่อยติดต่อโดยการกินหรือการหายใจสัตว์จะแสดงอาการมีไข้สูง  เบื่ออาหาร  น้ำลายไหล  มีแผลที่ลิ้น เหงือก และร่องกีบ  บางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม เชื้อเข้าสู่กระแสโลหิตอาจทำให้สัตว์ตายได้  
                  โรคปากเท้าเปื่อย  สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน เมื่อลูกโค-กระบืออายุ  4 - 6  เดือน  หลังจากนั้น  1  เดือน  ให้ทำการฉีดกระตุ้นวัคซีนอีก  1  ครั้ง  และให้ฉีดวัคซีนเป็นประจำทุก  6  เดือน 

          ♦สุกร  โรคที่ควรระวัง  ได้แก่ 
                โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร  มีการแพร่ระบาดขยายเป็นวงกว้างและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยล่าสุดพบการระบาดในทวีปเอเชียทั้งหมด  11  ประเทศ  ได้แก่  จีน  ฮ่องกง  มองโกเลีย เวียดนาม กัมพูชา เกาหลีเหนือ ลาว เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และติมอร์-เลสเต  ทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเข้าสู่ประเทศมากยิ่งขึ้น
                  ดังนั้น  หากพบสุกรตายแบบเฉียบพลัน  มากกว่า  5%.  ใน  2  วัน  หรือในฟาร์มสุกรรายย่อย (เลี้ยงน้อยกว่า  50  ตัว)  มีการตายเฉียบพลันตั้งแต่  2  ตัวขึ้นไปใน  1  วันโดยมีอาการแสดงดังต่อไปนี้  ไข้สูง  หรือนอนสุม  ร่วมกับท้องเสียเป็นเลือดหรือผิวหนังแดงหรือ
มีจุดเลือดออกหรือรอยช้ำโดยเฉพาะใบหูและท้อง มีอาการไอ แท้ง หรือขาหลังไม่มีแรง  โรคนี้มักพบในสุกรแม่พันธุ์  และสุกรขุน  ทั้งนี้  หากพบสุกรแสดงอาการผิดปกติ  ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยเร็วที่สุด  เพื่อจะได้ดำเนินการตามมาตรการของกรมปศุสัตว์ต่อไป
                  การป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรสำหรับเกษตรกร  ได้แก่ 
                  1.  แยกฟาร์ม/เล้าหมูออกจากตัวบ้าน  มีรั้วเพื่อลดโอกาสสัมผัสสุกรจากภายนอก 
                  2.  ไม่เลี้ยงสุกรด้วยเศษอาหาร  หากจำเป็นต้องนำเศษอาหารไปต้มก่อนที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส  เป็นเวลา  30  นาที
                  3.  ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาในฟาร์มหรือสถานที่เลี้ยงสุกร 
                  4.  ก่อนเข้าฟาร์มจะต้องมีการล้างมือและเปลี่ยนรองเท้าทุกครั้ง    
                  5.  ไม่อนุญาตให้ยานพาหนะภายนอกเข้ามาภายในฟาร์ม 
                  6.  ทำความสะอาดคอกให้แห้ง ถ่ายเทอากาศดี พ่นยาฆ่าเชื้อสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง  
                  7.  ซื้อหมูจากแหล่งที่ปลอดภัย
                  8.  ขาย/จับหมูออกให้หมดเป็นรอบๆ 
          ♦  เป็ดไล่ทุ่ง  ไก่ชน  และไก่พื้นเมือง  โรคที่ควรระวัง  ได้แก่ 
                  โรคไข้หวัดนก  สัตว์ป่วยจะมีไข้  ซึม  ไม่กินอาหาร  เหนียงบวม มีสีแดงคล้ำมีจุดเลือดออกที่หน้าแข้ง ไอ จาม น้ำมูกไหล อาจท้องเสีย ชัก  ตายอย่างรวดเร็ว  เป็ดและห่านมักจะทนทานต่อโรคสูงกว่าสัตว์ปีกอื่นๆ จึงไม่ค่อยป่วยง่าย
                  โรคอหิวาต์เป็ด-ไก่  สัตว์ปีกมักจะตายอย่างรวดเร็วโดยไม่แสดงอาการให้เห็นบางรายที่ไม่ตายทันทีทันใด จะป่วย หงอยซึม เบื่ออาหาร นอนหมอบ อุจจาระเหลวสีเขียวปนเหลือง หายใจไม่สะดวก กระหายน้ำจัด  หงอนและเหนียงสีคล้ำ  โรคอหิวาต์เป็ด-ไก่สามารถป้องกันโรคโดยฉีดวัคซีนโรคอหิวาต์เป็ด-ไก่  เมื่ออายุ 1  เดือนขึ้นไป  ตัวละ  1  ซี.ซี. เข้ากล้ามเนื้อหน้าอก  และทำการกระตุ้นวัคซีนทุก ๆ 3 เดือน

          ทั้งนี้  เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์  ควรเฝ้าระวัง ดูแล สุขภาพสัตว์ปีกของตนเองอย่างใกล้ชิด  ให้สัตว์นอนในที่แห้งหรือในเล้าหรือโรงเรือน ที่มีหลังคาและผนังป้องกันลมได้ รวมทั้งฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะช่วยให้สัตว์แข็งแรง  ต้านทานโรคได้เป็นอย่างดี  มีการกำจัดพยาธิทั้งภายในภายนอก  พ่นยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด  ตลอดจนติดตามข่าวสารการเกิดโรคระบาดต่างๆอย่างใกล้ชิด  ในกรณีที่จะนำสัตว์ใหม่เข้าฝูงต้องแยกเลี้ยงเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 10-15 วัน  หากพบสัตว์ป่วยหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ  ควรรีบแจ้งสัตวแพทย์ประจำท้องที่ทันที  เพื่อควบคุมโรคให้สงบโดยเร็ว  ซึ่งเป็นแนวทางที่จะช่วยลดความเสียหายจากโรคระบาดสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          ท้ายนี้  หากเกษตรกรต้องการขอคำแนะนำด้านการป้องกันหรือการรักษาโรคของสัตว์ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอใกล้บ้านของท่าน  หรือติดต่อที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์หมายเลข 044-812334 ต่อ 13

 

ภาพกิจกรรม
   
   
   

 

                                  

กลับหน้าแรก / กลับด้านบน

 

ภาพ และข่าว : กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศการปศุสัตว์
ผู้อนุมัติข่าว : นางศรีสมัย โชติวนิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ